วันศุกร์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2554

ข่าวเขมร-ไทยช่องจอม

ช่องจอมเหงาผวารบ รบ.จี้เขมรถอนทหาร พ้น4.6กม.รอบวิหาร

 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอรเสม็ด ต.ด่าน อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม ซึ่งเป็นการเปิดด่านวันที่ 2 ปรากฎว่า มีประชาชนทั้งชาวไทยและกัมพูชา ซื้อขายสินค้าบางตา พ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชากว่า 100 คนนำสินค้า โดยเฉพาะพืชผักและของป่าหลายชนิดบรรทุกรถเข็นมารออยู่ที่หน้าประตูจุดผ่านแดนถาวรช่องจอม-โอรเสม็ด ตั้งแต่เวลา 06.00น.ก่อนที่เจ้าหน้าที่ศุลกากรช่องจอมฯจะเปิดประตูด่านเวลา 07.00 น. เพื่อนำสินค้าเข้ามาขายตลาดฝั่งไทย ขณะที่ชาวกัมพูชาบางส่วนต้องการข้ามแดนมา เพื่อซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค แต่บางส่วนยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ขอรอดูท่าทีอีกระยะ

 สำหรับการเปิดด่านครั้งนี้ มีขึ้นหลังพล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 เจรจากับพล.ท.เจีย มอน ผู้บัญชาการภูมิภาคทหารที่ 4 กัมพูชา ที่โรงแรมโอรเสม็ดรีสอร์ทฝั่งกัมพูชา เพื่อยุติการสู้รบและหารือแก้ปัญหาการปะทะตามแนวชายแดน รวมทั้งสั่งเปิดจุดผ่านเดนถาวรช่องจอมตามปกติตั้งแต่วันพุธที่ผ่านมา หลังปิดด่านมา 13 วัน

 ขณะที่ตลาดการค้าชายแดนช่องจอมฝั่งไทย ชาวกัมพูชา 40 %มาเปิดร้านขายของตามปกติแต่ยังไม่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา เนื่องจากไม่มั่นใจในสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ชายแดนสงบไม่มีเหตุปะทะมาเป็นเวลา 3 วันแล้ว

 ส่วนบริเวณด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศไม่แตกต่างจากด่านช่องจอม จ.สุรินทร์มากนัก คาดว่าทั้งด่านช่องจอมและช่องสะงำยังเงียบเหงา เนื่องจากประชาชนส่วนใหญ่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์

 สำหรับสถานการณ์ปะทะตามแนวชายแดนนั้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดคืนที่ผ่านมา จนถึงช่วงเช้า ทหารกองทัพภาคที่ 2 ซึ่งรับผิดชอบตามแนวชายแดนยืนยันไม่มีการปะทะเกิดขึ้น ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านตามแนวชายแดนใกล้จุดที่เคยเกิดการปะทะออกสำรวจพื้นที่การเกษตร หลังมีบางพื้นที่ได้รับความเสียหายจากปืนใหญ่ และจรวดหลายลำกล้อง

 ด้านนายแสง เดชวงค์ษา อายุ 57 ชาวบ้านต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์กล่าวว่า ส่วนตัวไม่คิดว่ากัมพูชาจะหยุดยิง ไม่เชื่อใจ จึงเตรียมตัวพร้อมอพยพอีกหากมีการปะทะ แต่ตนและชาวบ้านทุกคนไม่ต้องการให้เกิดขึ้น

 พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวหลังเดินทางเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาว่า หากเหตุการณ์ปะทะสงบเห็นด้วยที่จะให้มีการเปิดด่านชายแดนเพื่อทำการค้าตามปกติ และเห็นด้วยหากจะเปิดจุดการค้าชายแดนละ 1 จังหวัด เพื่อที่ประชาชนตามแนวชายแดน และผู้ประกอบการ จะได้มีรายได้ ในส่วนจ.บุรีรัมย์ ที่จะขอเปิดจุดการค้าชายแดน บริเวณช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด อยู่ระหว่างการหารือของผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์และจังหวัดอุดรมีชัย ประเทศกัมพูชาเท่านั้น กองทัพไม่มีปัญหา พร้อมให้การสนับสนุน หากได้รับข้อตกลงที่ชัดเจน

 ขณะที่พ.อ.ประวิทย์ หูแก้ว รองเสนาธิการกองทัพภาคที่ 2 และโฆษกกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า สถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาตลอดทั้งแนวคลี่คลาย บรรยากาศดีขึ้นมาก ตลอด 2 วันที่ผ่านมา ไม่มีเสียงปืนแม้แต่นัดเดียว และไม่มีการปะทะกันของทหารทั้งสองฝ่าย เนื่องจากผู้บังคับหน่วยทหารที่กำกับดูแลอยู่ในพื้นที่ของทั้งสองฝ่ายได้พูดคุยและกำชับกำลังพลของตนเองไม่ให้เกิดเหตุปะทะขึ้นอีก กระทั่งสถานการณ์คลี่คลายในทางที่ดี อย่างไรก็ตาม กำลังทหารของทั้งสองฝ่ายก็ยังคงตรึงกำลังอยู่ในพื้นที่ แต่การเผชิญหน้าผ่อนคลายความตึงเครียดลงกว่าเดิม คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเป็นลำดับ แต่แม่ทัพภาคที่ 2 สั่งกำชับกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ระมัดระวังตลอด 24 ชั่วโมงเพื่อความไม่ประมาท

 ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการส่งคณะผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียเข้ามาบริเวณพื้นที่พิพาทระหว่างไทยกับกัมพูชาว่า จะมีข้อกำหนดที่เป็นเอกสาร แต่ในถ้อยคำเนื้อหาสาระไม่เป็นปัญหา กระทรวงต่างประเทศยืนยันกับอินโดนีเซียก่อนหน้านี้แล้วว่า ไม่เป็นปัญหาการที่จะนำผู้สังเกตการณ์เข้ามา แต่ควรให้กัมพูชานำทหารและประชาชนออกจากพื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตรทั้งหมด เพราะเป็นการละเมิดเอ็มโอยู อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่ทราบว่ากัมพูชารับข้อเสนอหรือไม่ แต่ถ้ากัมพูชายังไม่ตอบรับก็จะยังไม่มีการลงนาม ส่วนจะนำเรื่องนี้ไปพูดคุยในที่ประชุมอาเซียนหรือไม่ขึ้นอยู่กับความคืบหน้าของการพูดคุยระหว่างไทยกับอินโดนีเซีย และอินโดนีเซียกับกัมพูชา

 นายกฯกล่าวยังต่อถึงประเด็นที่จะนำไปชี้แจงกับรมต.ต่างประเทศในวงประชุมอาเซียนว่า เป็นการยืนยันข้อเท็จจริงที่เราไม่ได้เป็นผู้สร้างปัญหานี้ขึ้นมา และสนับสนุนให้แก้ปัญหาโดยสันติวิธี การที่กัมพูชาขยายเรื่องนี้ไปถึงการฟ้องศาลโลก หวังว่าจะยิ่งทำให้นานาชาติเห็นภาพชัดเจนขึ้น

 และเราจะชี้แจงให้เห็นถึงการปะทะแต่ละครั้งเป็นความจงใจไม่ใช่อุบัติเหตุ ในด้านจังหวะเวลา เพื่อให้สอดคล้องกับการนำเรื่องไปสู่ระดับสากล ทั้งนี้ เรื่องพหุพาคี เราไม่ได้มีปัญหา ตอนไปสหประชาชาติไทยก็ไปชี้แจง แต่ข้อเท็จจริงคือ เป็นเรื่องของสองฝ่าย

 ส่วนเรื่องศาลโลกนั้น นายกฯกล่าวยืนยันว่าเราไม่ไปต่อสู้คดี ก็ไม่มีผล ทำให้ศาลพิจารณาคดีไม่ได้ และผลเนื่องจากไม่ได้เป็นคดีใหม่ เป็นการตีความคำพิพากษาเดิม ทุกคนจึงบอกว่าเป็นการผูกพันเราในฐานะที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติ แต่มีหลายแง่มุมที่เราต่อสู้แน่นอน ตนอยากให้ทุกคนผนึกกำลังกัน ตนเรียกร้องหลายครั้งแล้วว่าการตีความอะไรหลายอย่างที่ไปพูดกัน ระวังอย่าให้ย้อนกลับมาทำลายตัวเรา ขอให้ยืนหยัดสิ่งที่เป็นการปกป้องประโยชน์ของประเทศ

 รายงานข่าวแจ้งว่า ในหนังสือคำร้องของกัมพูชาที่ยื่นต่อศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (International Court of Justice) เมื่อวันที่ 28 เมษายนร้องขอต่อศาลโลก 2 ส่วนคือ การขยายความเพื่อให้ทราบถึงบริเวณพื้นที่ปราสาทพระวิหาร หลังศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหารเป็นของกัมพูชา และการร้องให้ศาลโลกออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในพื้นที่ดังกล่าว โดยระบุให้ไทยงดทำกิจกรรมทางการทหารในพื้นที่นั้น ทั้งนี้ ในหนังสือคำร้องของกัมพูชาต่อศาลโลกฉบับดังกล่าวตอนท้ายอ้างเหตุผลที่นำไปสู่ข้อเรียกร้อง โดยอ้างเหตุการณ์สู้รบรุนแรงที่ชายแดนด้านปราสาทตาเมือน และปราสาทตาควายวันที่ 22 เมษายน ลงนามโดย ฮอร์ นัม ฮง รัฐมนตรีต่างประเทศของกัมพูชา ลงนามวันที่ 20 เมษายน

 แหล่งข่าวกระทรวงการต่างประเทศตั้งข้อสังเกตในเรื่องนี้ มีการร่างหนังสือคำร้องต่อศาลโลกไว้ก่อนล่วงหน้า ก่อนที่เหตุปะทะบริเวณชายแดนด้านปราสาทตาเมือนและปราสาทตาควายจะเกิดขึ้น เหมือนกับล่วงรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอนาคต และเชื่อว่า หลายประเทศที่ติดตามสถานการณ์ความขัดแย้งพื้นที่ปราสาทพระวิหารมาตลอด จะเห็นว่า มีเหตุการณ์ที่ส่อพิรุธและเห็นถึงเจตนาของกัมพูชา ที่ดำเนินการใดๆก็ได้เพียงเพื่อผลประโยชน์ของตน โดยไม่ได้คำนึงถึงประชาชนชายแดนไทย-กัมพูชาที่เสียชีวิต บาดเจ็บ และบ้านเรือนที่เสียหายจากการปะทะที่เกิดขึ้น

 อย่างไรก็ตาม นับว่า กัมพูชาตกม้าตายซ้ำครั้งที่สอง หลังจากครั้งแรกที่แม่ทัพฝ่ายกัมพูชา โทรศัพท์มาขอเจรจายุติยิงล่วงหน้า ทั้งทีช่วงนั้นยังไม่เกิดเหตุปะทะขึ้น จึงขอเรียกร้องให้กัมพูชาหยุดการกระทำเป็นการกล่าวโทษที่จะส่อให้เห็นถึงเจตนาให้ร้ายประเทศไทย
แหล่งข่าว  แนวหน้า

ประชาชนชาวไทยรวมพลังปกป้องสถาบัน


 หน่วยราชการและประชาชนทั่วประเทศ ต่างพร้อมใจกันออกมาแสดงพลังประกาศปกป้องสถาบัน เนื่องในโอกาสวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคมที่ผ่านมา อาทิที่ จ.บุรีรัมย์ บริเวณถนนเสด็จนิวัตน์ หน้าพระบรมราชาอนุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในพิธีรวมพลังอาสาสมัครปกป้องสถาบัน โดยมีหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ ทหาร และอาสาสมัครปกป้องสถาบันจาก 23 อำเภอของ จ.บุรีรัมย์ กว่า 10,000 คน โดยผู้ร่วมพิธีต่างชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พร้อมธงชาติไทย เดินจาก 4 มุมเมืองมารวมตัวกัน ประกอบพิธีสงฆ์ และนำบัตรลงนามถวายพระพรที่บรรจุกล่องแล้ว ถวายต่อหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 ส่วนที่ จ.นราธิวาส นายธนน เวชกรกานนท์ ผวจ.นราธิวาส เป็นประธานในพิธี นำสมาชิกอาสาสมัครปกป้องสถาบันทั้ง 13 อำเภอกว่า 5,000 คน รวมทั้งหัวหน้าส่วนราชการจังหวัดนราธิวาส เหล่าข้าราชการ พนักงานออกมาร่วมแสดงพลัง และกล่าวคำปฏิญาณตนที่จะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างเข้มแข็ง อีกทั้งได้มีการปลุกจิตสำนึกปกป้องสถาบันสำคัญของชาติด้วยชีวิต และสร้างความสมานฉันท์ รู้รักสามัคคี เพื่อความปกติสุขของบ้านเมือง

 ขณะที่ หน้าศาลากลางหลังเก่า สิงห์บุรี นายพิเชษฐ ไพบูลย์ศิริ ผวจ.สิงห์บุรี เป็นประธานในพิธี นำผู้พิพากษาหัวหน้าศาลจังหวัดสิงห์บุรี พร้อมส่วนราชการ ทหาร ตำรวจพ่อค้า ประชาชนทุกหมู่เหล่ามาร่วมพลังกล่าวคำปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมสาทิสลักษณ์ ณ บริเวณ

 ด้าน จ.สตูล นายวินัย ครุวรรณพัฒน์ ผวจ.สตูล เป็นประธานในพิธี นำข้าราชการ ประชาชน และกลุ่มพลังมวลชนต่างๆ ร่วมแสดงความจงรักภักดีและเทิดทูลปกป้องสถาบัน โดยกล่าวนำปฏิญาณตน จะปกป้อง เทิดทูล และรักษาไว้ซึ่งพระบรมเดชานุภาพแห่งพระมหากษัตริย์เจ้า

 จ.ปราจีนบุรี นายศิริพงษ์ ห่านตระกูล ผวจ.ปราจีนบุรี เป็นประธานพิธีรวมพลังสามัคคีอาสาสมัครปกป้องสถาบัน มีส่วนราชการ พ่อค้า ประชาชน อาสาสมัครปกป้องสถาบัน หรือเรียกกันว่า อสป. จังหวัดปราจีนบุรี รวมทั้งพลังมวลชน เข้าร่วมปฎิญาณตน ประมาณ 12,000 คน





แหล่งข่าวแนวหน้า
Google